ReadyPlanet.com
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot
dot


http://www.lawyerscouncil.or.th


จดทะเบียนขายฝากที่ดินเพื่ออำพรางจำนอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  2239/2517
 นายประสิทธิ์ เนาวิรัตน์ กับพวกรวม 2 คน
      โจทก์
 
นายสกล สำเร็จ
      จำเลย
 ป.พ.พ. มาตรา 112, 115, 118, 456, 491, 653, 702

           การที่โจทก์จำเลยจดทะเบียนสัญญาขายฝากที่ดินพิพาท ถ้าโจทก์จำเลยไม่มีเจตนาจะผูกพันกันตามสัญญาขายฝาก สัญญานั้นก็เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 วรรคแรก

          ก่อนทำสัญญาขายฝากก็ดี ขณะทำสัญญาขายฝากก็ดี ภายหลังทำสัญญาขายฝากก็ดีโจทก์จำเลยมิได้ตั้งใจจะผูกพันกันตามสัญญาขายฝาก เป็นเรื่องที่จำเลยต้องการดอกเบี้ยเท่านั้นโดยจำเลยสัญญาจะไม่เอาที่ดินหลุดเป็นสิทธิ ถือได้ว่าโจทก์ทำสัญญาขายฝากอำพรางการจำนอง

          การที่นิติกรรมอันหนึ่งทำขึ้นเพื่ออำพรางนิติกรรมอีกอันหนึ่งนิติกรรมอันแรกคือสัญญาขายฝากย่อมเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณี ที่จะไม่ผูกพันตามเจตนาที่แสดงออกมานั้น นิติกรรมอันแรกที่ปรากฏออกมานั้นย่อมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา118 วรรคแรก ส่วนนิติกรรมอันหลังคือสัญญาจำนองที่ถูกอำพรางไว้โดยนิติกรรมอันแรก ต้องบังคับตามบทบัญญัติว่าด้วยนิติกรรมที่ถูกอำพรางไว้ตามมาตรา 118 วรรค 2 เมื่อโจทก์จำเลยมีเจตนาทำสัญญาจำนองแล้วแต่การจำนองไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็นการจำนอง เป็นเพียงการที่โจทก์กู้เงินจากจำเลย และให้ที่ดินแก่จำเลยยึดถือไว้เป็นประกัน และย่อมถือได้ว่าเอกสารการขายฝากที่โจทก์จำเลยทำไว้ ณสำนักงานที่ดิน เป็นนิติกรรมสัญญากู้เงินที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างโจทก์จำเลยนั้น ฉะนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องขอนำเงินมาไถ่ถอนที่พิพาท ก็เท่ากับโจทก์ขอชำระหนี้เงินกู้ จำเลยมีหน้าที่รับชำระและคืนที่พิพาทที่เป็นประกันนั้นให้โจทก์ไป

 ________________________________

           โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินโฉนดที่ 749โจทก์ได้จำนองที่ดินดังกล่าวไว้กับจำเลยในราคา 23,200 บาท ดอกเบี้ยปีละ 5,200 บาท แต่จำเลยให้ทำเป็นสัญญาขายฝาก และจดทะเบียนต่อพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ มีกำหนดไถ่คืนภายใน 1 ปี เดือนตุลาคม2511 โจทก์ขอไถ่ที่ดินคืนจากจำเลย จำเลยได้นัดไถ่คืนในวันที่ 25 ตุลาคม 2511 แต่จำเลยไม่มาตามนัด ต่อมาได้มีการนัดไถ่คืนอีกหลายครั้ง จำเลยคงไม่มาตามนัด ต่อมาเดือนกรกฎาคม 2512 จำเลยนัดโจทก์ไปทำสัญญาที่หอทะเบียนที่ดิน เมื่อโจทก์ไปถึง จำเลยบอกว่าได้ยื่นคำร้องไว้แล้ว ให้โจทก์ไปชำระเงินค่าธรรมเนียมต่อเจ้าหน้าที่เมื่อโจทก์เสียเงินค่าธรรมเนียมแล้ว จึงทราบว่าเป็นคำขอแบ่งที่ดินให้โจทก์ โจทก์ไม่ยินยอม จึงไม่ได้แบ่งตามคำขอนั้น โจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินตลอดมาโจทก์ไม่มีทางจะไถ่ที่ดินคืนจากจำเลยได้ขอให้ศาลพิพากษาว่านิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการ


           จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ตกลงขายฝากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้กับจำเลย ไม่ใช่จำนอง ในระหว่างสัญญา 1 ปี โจทก์ไม่เคยติดต่อขอไถ่ที่พิพาทคืนจากจำเลย ที่พิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะไถ่ที่พิพาทจากจำเลย


           ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์


           โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์


           ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน


           โจทก์ทั้งสองฎีกา


           ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนสัญญาขายฝากที่ดินพิพาทไว้ตามเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งโจทก์นำสืบว่า ก่อนทำสัญญาขายฝากและขณะที่ทำก็ดี หรือภายหลังก็ดี โจทก์และจำเลยไม่มีเจตนาจะผูกพันกันตามสัญญาขายฝากนั้น ถ้าข้อเท็จจริงเป็นดังที่โจทก์อ้างนิติกรรมขายฝากนี้ก็เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 วรรคแรก ฟังได้ว่า ก่อนที่จะทำสัญญาขายฝากก็ดี ขณะทำสัญญาขายฝากก็ดี ภายหลังที่ทำสัญญาขายฝากแล้วก็ดี โจทก์จำเลยมิได้ตั้งใจจะผูกพันกันตามสัญญาขายฝาก เป็นเรื่องที่จำเลยต้องการดอกเบี้ยเท่านั้น โดยจำเลยสัญญาจะไม่เอาที่พิพาทหลุดเป็นสิทธิ ถือได้ว่าโจทก์ทำสัญญาขายฝากที่พิพาทไว้กับจำเลยเป็นการอำพรางการจำนองศาลฎีกาเห็นว่า การที่นิติกรรมอันหนึ่งทำขึ้นเพื่ออำพรางนิติกรรมอีกอันหนึ่ง นิติกรรมอันแรกคือสัญญาขายฝากย่อมเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างคู่กรณีที่จะไม่ผูกพันกันตามเจตนาที่แสดงออกมานั้น นิติกรรมอันแรกที่ปรากฏออกมานั้นย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 วรรคแรก ส่วนนิติกรรมอันหลังคือสัญญาจำนองที่ถูกอำพรางไว้โดยนิติกรรมอันแรกนั้น ต้องบังคับตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยนิติกรรมอันที่ถูกอำพรางไว้ตามมาตรา 118 วรรค 2 เมื่อโจทก์จำเลยมีเจตนาทำสัญญาจำนองกันแล้ว แต่การจำนองไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็นการจำนอง เป็นเพียงการกู้เงินที่โจทก์กู้จากจำเลย และให้ที่ดินแก่จำเลยยึดถือไว้เป็นประกัน และย่อมถือได้ว่าเอกสารการขายฝากที่โจทก์จำเลยทำไว้ ณ สำนักงานที่ดิน เป็นนิติกรรมสัญญากู้เงินที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างโจทก์จำเลยนั้น ฉะนั้น เมื่อโจทก์ฟ้องขอนำเงินมาไถ่ถอนที่พิพาท ก็เท่ากับโจทก์ขอชำระหนี้เงินกู้จำเลยก็มีหน้าที่รับชำระและคืนที่พิพาทที่เป็นประกันนั้นให้โจทก์ไป พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยรับเงินไถ่ถอนที่พิพาทจากโจทก์ 23,200 บาท

 

 

( ยงยุทธ เลอลภ - กฤษณ์ โสภิตกุล - อุดม จาละ )

 




ขายฝาก




Copyright © 2010 All Rights Reserved.
สำนักงานทนายความชูศักดิ์ พุทธรักษ์ และเพื่อน
255 ถนนวัดเวฬุวนาราม แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ 10210
Mobile Phone:(66) 81 928 0163 Email:chusaklaw@gmail.com
ติดต่อ WEBMASTER ที่ Email:chusaklaw@gmail.com, Line Id. chusak1965
สำนักงานสาขาในสหรัฐอเมริกา
C.L.INTERNATIONAL LAW OFFICE CO.,LTD.
3407 W North A St. Tampa, FL, U.S.A. 33609-2252
Email:chusaklaw@gmail.com, www.chusaklaw.com
Skype : chusak1234, Line Id. chusak1965