คดีล้มละลาย
เมื่อลูกหนี้ถูกฟ้องคดีศาลจะทำการพิจารณาสืบพยานหลักฐานให้ได้ความจริง และศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์เด็ดขาดลูกหนี้
ผลของคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วถือว่าเป็นการเริ่มต้นของคดีล้มละลายซึ่งศาลจะยังไม่ได้มีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายในทันทีซึ่งกรณีดังกล่าว ทำให้ลูกหนี้ที่รับราชการยังไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นข้าราชการ และยังคงรับราชการต่อไปได้จนกว่าศาลจะพิพากษาให้ล้มละลาย
และเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ไม่ว่าจะกรณีพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวหรือเด็ดขาด ศาลจะส่งหมายแจ้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ
สิ่งที่ลูกหนี้ต้องปฏิบัติ
ติดต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
· เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมีหมายเรียกหรือหมายนัดให้ไปพบเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
- นำหมายนัดไปพบเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามกำหนดวันเวลาที่ระบุในหมายโดยเคร่งครัด
- นำบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้โดยมีรูปกำกับหรือสำเนาทะเบียนบ้านไปด้วยทุกครั้ง
สิทธิและหน้าที่ของลูกหนี้
1. ต้องไปสาบานตัวและให้ถ้อยคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินพร้อมทำบัญชีแสดงกิจการและ ทรัพย์สิน
2. ต้องส่งมอบทรัพย์สิน บัญชี ดวงตราห้างฯหรือบริษัทและเอกสารต่าง ๆ ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
3. ขอประนอมหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน กำหนด 7 วันนับแต่วันยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการ และทรัพย์สินหรือภายในเวลาตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนดให้หรือขอประนอมหนี้ภายหลังล้มละลายภายในเวลาที่กำหนด
4. ไปประชุมเจ้าหนี้ทุกครั้งเมื่อได้รับแจ้งกำหนดวันนัดจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
5. ไปให้ศาลไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยเมื่อได้รับแจ้งวันกำหนดนัดจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
6. ทำบัญชีรับ-จ่ายทุก 6 เดือน นับแต่ถูกศาลพิทักษ์ทรัพย์แจ้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทุกครั้งเมื่อย้ายที่อยู่ใหม่
7. เดินทางออกนอกราชอาณาจักรต้องขออนุญาตจากศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามความจำเป็นและสมควร
แก่ฐานะ
8. ขอค่าเลี้ยงชีพจากเงินได้มาในระหว่างถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามความจำเป็นและสมควร
9. อาจขอให้ปลดตนเองจากการล้มละลายหรือยกเลิกการล้มละลายตามวิธีการและเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
10. รับเงินหรือทรัพย์สินที่เหลือคืนเมื่อหลุดพ้นจากการล้มละลาย
สรุป เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์อำนาจในการจักการทรัพย์สินต่าง ๆ ของลูกหนี้ตกอยู่ในความดูแลของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว
ข้อจำกัดสิทธิหน้าที่ของลูกหนี้
1. ห้ามกระทำการใด ๆ เดี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินเว้นแต่กระทำตามคำสั่ง หรือความเห็นชอบของศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
2. ห้ามดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
3. เดินทางออกนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
4. รับสินเชื่อจากบุคคลอื่นตั้งแต่หนึ่งร้อยบาทขึ้นไปต้องแจ้งให้ทราบว่าตนถูพิทักษ์ทรัพย์หรือตกเป็นบุคคลล้มละลาย
ลูกหนี้จะหลุดพ้นจากการล้มละลายได้อย่างไร?
1. ขอประนอมหนี้
ลูกหนี้อาจขอประนอมหนี้ได้ 2 ช่วง คือ
1.1 ขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย
ลูกหนี้อาจยื่นคำขอประนอมหนี้เป็นหนังสือยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันยื่นคำชี้แจงเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินหรือภายในเวลาตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กำหนด ให้ ซึ่งคำขอประนอมหนี้ต้องแสดงข้อความแห่งการประนอมหนี้หรือวิธีจัดกิจการหรือทรัพย์สินและรายละเอียดแห่งหลักประกันหรือผู้ค้ำประกัน(ถ้ามี)โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเรียกประชุมเจ้าหนี้เพื่อปรึกษาลงมติพิเศษว่าจะยอมรับคำขอนั้นหรือไม่และเมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้แล้วก็ยังต้องให้ศาลเห็นชอบกับคำขอประนอมหนี้นั้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหากศาลพิจารณาแล้วเห็นชอบกับคำขอประนอมหนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องโฆษณาคำสั่งในราชกิจจานุเบกษาและในหนังสือพิมพ์
รายงันไม่น้อยกว่า 1 ฉบับ ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง
- กรณีที่ศาลไม่เห็นชอบด้วยกับการประนอมหนี้ ศาลจะพิพากษาให้ ลูกหนี้ล้มละลาย และแจ้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบเพื่อดำเนินการ ตาม อำนาจหน้าที่ต่อไป
- กรณีที่ลูกหนี้ไม่ไปให้ศาลไต่สวน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะแถลงให้ศาลออกหมายจับลูกหนี้และขอให้ศาล งดการไต่สวนโดยเปิดเผย โดยถือว่าลูกหนี้ไม่ติดใจในการประนอมหนี้แล้วพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลายต่อไป
- เมื่อลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามข้อประนอมหนี้หรือผิดนัด ไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลงไว้ในการประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย
ตาม มาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483
1.2 การประนอมหนี้หลังล้มละลาย
ลูกหนี้มีสิทธิขอประนอมหนี้ภายหลังที่ศาลพิพากษาให้ล้มละลายแล้วได้อีก แต่ถ้าลูกหนี้ได้เคยขอประนอมหนี้ไม่เป็นผลมาแล้วห้ามมิให้ลูกหนี้
ขอประนอมหนี้ภายในกำหนดเวลา 3 เดือนนับแต่วันที่การขอประนอมหนี้ ครั้งสุดท้ายไม่เป็นผล
- กรณีที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยการประนอมหนี้ศาลจะสั่งยกเลิกการล้มละลายและให้ลูกหนี้กลับมีอำนาจจัดการทรัพย์สินของตน
- กรณีที่ลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามข้อประนอมหนี้ศาลจะมีคำสั่งยกเลิก การประนอมหนี้และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย
2. การปลดจากล้มละลาย
เมื่อศาลมีคำพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว บุคคลล้มละลายอาจได้รับการปลดจากล้มละลายได้ 2 กรณี
2.1 ศาลได้มีคำสั่งปลดจากการล้มละลายตามมาตรา 71 ให้ศาลมีคำสั่งปลดจากล้มละลาย เมื่อศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า
1) ได้แบ่งทรัพย์สินชำระให้แก่เจ้าหนี้ที่ได้ขอรับชำระหนี้ไว้แล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และ
2) ไม่เป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
2.2 เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 81/1 กฎหมายบัญญัติให้บุคคลธรรมดาซึ่งศาลพิพากษาให้ล้มละลายแล้ว
ให้ปลดบุคคลนั้นจากล้มละลายทันทีที่พ้นกำหนดระยะเวลา 3 ปีนับแต่วันที่ศาลได้พิพากษาให้ล้มละลาย เว้นแต่
1) บุคคลนั้นได้เคยถูกพิพากษาให้ล้มละลายมาก่อนแล้วและยังไม่พ้นระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่ศาลได้พิพากษาให้ล้มละลายครั้งก่อนจนถึงวันที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ครั้งหลังให้ขยายระยะเวลาเป็น 5 ปี
2) บุคคลนั้นเป็นบุคคลล้มละลายทุจริตที่ไม่มีลักษณะตาม(3)ให้ ขยายระยะเวลาเป็น 10 ปี เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุผลพิเศษและบุคคลนั้นถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลายมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ศาลจะสั่งปลดจากล้มละลายก่อนครบกำหนด 10 ปี ตามคำขอของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
หรือของบุคคลล้มละลายนั้นก็ได้
3) บุคคลนั้นเป็นบุคคลล้มละลายอันเนื่องมาจากหรือเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนให้ขยายระยะเวลาเป็น 10 ปี
ในกรณีที่มีเหตุตาม (1) (2) หรือ (3) มากกว่าหนึ่งเหตุให้ขยายระยะเวลาโดยอาศัยเหตุใด เหตุหนี่งที่มีระยะเวลาสูงสุดเพียงเหตุเดียว
ผลของการปลดจากล้มละลายตามมาตรา 71 หรือมาตรา 81/1
คำสั่งปลดล้มละลายตามมาตรา 71 หรือเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา มาตรา 81/1 ทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระหนี้ได้ เว้นแต่หนี้เกี่ยวกับภาษีอากรหรือ หนี้ซึ่งเกิดความทุจริตฉ้อโกงของบุคคลล้มละลายหรือหนี้ซึ่งเจ้าหนี้ไม่ได้เรียกร้องเนื่องจาก ความทุจริตฉ้อโกงซึ่งบุคคลล้มละลายมีส่วนเกี่ยวข้องสมรู้ (พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 77 และมาตรา 81/1 วรรคท้าย)และไม่ทำให้บุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับบุคคลล้มละลายหรือรับผิดร่วม กับบุคคลล้มละลายหรือค้ำประกัน หรืออยู่ในลักษณะอย่างผู้ค้ำประกันของบุคคลผู้ล้มละลาย หลุดพ้นจากความรับผิดไปด้วย (พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 78 และมาตรา 81/1 วรรคท้าย)
«ข้อพึงระวังของลูกหนี้ «
บุคคลล้มละลายที่มิได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ในการรวบรวม ทรัพย์สินโดยไม่มีเหตุสมควร ศาลจะมีคำสั่งหยุดนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำขอหรือวันที่ศาลมีคำสั่ง จนถึงวันที่ศาลกำหนดโดยจะกำหนดเงื่อนไข หรือไม่ก็ได้เมื่อรวมระยะเวลาทั้งหมดแล้วจะต้องไม่เกิน 2 ปี
3. ยกเลิกการล้มละลาย
เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอตามมาตรา 135 (1) ถึง (4) ต่อศาลว่ามีเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(1) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจดำเนินการให้ได้ผลเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ ทั้งหลาย เพราะเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ไม่ช่วยหรือยอมเสีย
ค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายหรือวางเงินประกันตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกร้อง และไม่มีเจ้าหนี้อื่นที่สามารถและเต็มใจกระทำการดังกล่าวแล้วภายในกำหนดเวลา 1 เดือน นับแต่วันที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ขัดขืนหรือละเลยนั้น
(2) ลูกหนี้ไม่ควรถูกพิพากษาให้ล้มละลาย
(3) หนี้สินของบุคคลล้มละลายได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว
ถ้าลูกหนี้ปฏิเสธหนี้สินรายใด แต่ลูกหนี้ยอมทำสัญญาและให้ประกันต่อศาลว่าจะ ใช้เงินให้เต็มจำนวนกับค่าธรรมเนียมด้วยก็ดีหรือถ้าหาตัวเจ้าหนี้ไม่พบ แต่ลูกหนี้ได้นำเงิน เต็มจำนวนมาวางต่อศาลก็ดี ให้ถือว่าหนี้สินรายนั้นได้ชำระเต็มจำนวนแล้ว
(4) เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แบ่งทรัพย์ครั้งที่สุดหรือไม่มี ทรัพย์สินทรัพย์สิน จะแบ่งให้แก่เจ้าหนี้แล้ว ต่อแต่นั้นมาภายในกำหนด เวลา 10 ปี เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจรวบรวมทรัพย์สินของบุคคลล้มละลายได้อีก และไม่มีเจ้าหนี้มาขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จัดการรวบรวมทรัพย์สินของบุคคลล้มละลาย
ผลของคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย
1. กรณีที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135(1)และ(2)
แม้เจ้าหนี้จะไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ลูกหนี้ก็ไม่หลุดพ้นจากหนี้สินดังกล่าวเนื่องจากกฎหมายมิได้ยกเว้นว่าหนี้ใดจะต้องหลุดพ้น เพราะคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย จึงแปลได้ว่าหนี้สิน ทุกชนิดที่ลูกหนี้ มีอยู่ก่อนฟ้องอย่างไรก็คงเป็นหนี้อยู่เช่นเดิมอย่างนั้น ทำให้เจ้าหนี้มี สิทธินำมาฟ้องบังคับคดีได้รวมถึงการนำมาขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายคดีใหม่ด้วย
2. กรณีที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายตามมาตรา 135(1) และ (2)
แม้ว่าทำให้ลูกหนี้ไม่หลุดพ้นจากหนี้สินแต่อย่างใดแต่ถ้าเจ้าหนี้ มิได้นำหนี้ดังกล่าวไปยื่นคำขอรับชำระหนี้หรือเจ้าหนี้นำหนี้ดังกล่าวไป ยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้วแต่ได้ถอนคำขอรับชำระหนี้เสีย ต่อมาเจ้าหนี้ กลับนำหนี้นั้นมาฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายอีก ศาลเห็นว่ามีเหตุไม่ควร ให้ลูกหนี้ล้มละลายได้ (ดูฎีกาที่ 588/2535)
3. หากเป็นการยกเลิกการล้มละลาย ตาม มาตรา 135(3) และ (4)
ลูกหนี้ย่อมหลุดพ้นจากหนี้สินทั้งปวง ไม่นำบทบัญญัติตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 77 มาใช้กับการยกเลิกการล้มละลายตาม พ.ร.บ. ล้มละลายฯมาตรา 135(3)และ(4)
<<ที่มา ศาลล้มละลายกลาง>>