การขอเป็นผู้จัดการมรดกอย่างง่ายๆ
เมื่อเจ้ามรดกตาย ทรัพย์สมบัติของเจ้ามรดกซึ่งเรามักเรียกกันว่ากองมรดก เช่น ที่ดิน เงินฝากธนาคาร เงินที่เขายืมไป ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล บ้านช่อง ย่องตกเป็นของทายาททันที และก็ยังรวมถึงหนี้สินด้วย คือ เจ้ามรดกไปยืมเงินใครเขาไว้หรือเป็นหนี้เขา ค้างค่าเช่าบ้าน พวกนี้เป็นพวกความรับผิดก็ตกทอดมาถึงทายาทเหมือนกัน แต่ก็รับผิดในฐานะเป็นทายาทเท่านั้นไม่ใช้ฐานะส่วนตัว
แม้ว่ากองมรดกจะตกทอดแก่ทายาทแล้วก็ตาม ก็อาจมีปัญหาขัดข้องในการจัดสรรแบ่งปันมรดก หรือติดตามทวงถามหนี้สินที่บุคคลอื่นเป็นหนี้เจ้ามรดกอยู่ หรือจะไปโอนที่ดินเป็นของตน เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินก็จะปฎิเสธบ้าง ลูกหนี้เจ้ามรดกปฎิเสธบ้าง หรือแม้จะไปเบิกเงินธนาคารๆ ก็ปฎิเสธบ้างว่า ต้องนำเอาคำสั่งศาลตั้งผู้นั้นเป็นผู้จัดการมรดกมาให้ดูมาแสดงเสียก่อนว่าผู้มาติดต่อนั้นศาลได้ตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว มิฉะนั้นไม่ดำเนินการให้
จึงมีความจำเป็นที่ทายาทจะต้องไปดำเนินการขอให้ศาลแต่งตั้งตนเองหรือบุคคลอื่นเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งก็จะเสียเวลาพอสมควรกว่าจะยื่นคำร้องขอและกว่าจะไต่สวนคำร้องและศาลมีคำสั่ง ประเหมาะเคราะห์ร้ายมีคนอื่นคัดค้านเข้ามาอีกก็ยิ่งเสียเวลาไปอีก ความจริงกฎหมายก็มิได้บังคับไว้ว่าหากเจ้ามรดกตายแล้วต้องตั้งผู้จัดการมรดก แต่ถ้ามีเหตุขัดข้องจึงตั้งจึงเป็นข้อคิดสำหรับผู้เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคาร หากเป็นเงินจำนวนเพียงเล็กน้อย ก็ควรจะจ่ายให้ทายาทเขาไปเลย เพียงแต่ให้มีความละเอียดรอบคอบหน่อยว่าเขาเป็นทายาทหรือไม่ เช่นจัดให้มีคนที่เชื่อถือได้รับรองหรือค้ำประกันว่าเขาเป็นทายาทจริง เช่นนี้ก็จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
ส่วนศาลเองก็ควรผ่อนสั้นผ่อนเบาให้ โดยจัดให้มีแบบคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกแบบง่ายๆไว้ให้ หากเป็นมรดกจำนวนเล็กน้อย โดยมีประชาสัมพันธ์ศาลช่วยแนะนำ ซึ่งทราบว่าทางปฏิบัติก็มีอยู่ นับว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนโดยแท้จริง ถือได้ว่าเป็นที่พึ่งของประชาชนจริงๆ อย่างไรก็ดี หากเป็นมรดกรายใหญ่มีมากมาย มีเรื่องซับซ้อนยุ่งยากหรือมีผู้ยื่นคัดค้านเข้ามา เช่นนี้ก็จำเป็นที่จะตั้งผู้มีความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยโดยตรงคือควรมีทนายความเข้ามาดำเนินการแทนจะปลอดภัยกว่า เพราะทนายเป็นผู้ใช้กฎหมายอยู่โดยตรง
การขอเป็นผู้จัดการมรดกนั้นมีข้อที่ควรรู้ไว้ดังนี้
1. จะขอเป็นผู้จัดการมรดกเมื่อใด
เมื่อเจ้ามรดกตาย เจ้ามรดกมีทรัพย์มรดก และมีเหตุขัดข้องที่จะต้องจัดการมรดก
2. ใครเป็นผู้มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก
ผู้มีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกได้แก่ ทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกที่มีสิทธิรับมรดก เช่น บุตร บิดามารดา คู่สมรสของเจ้ามรดกผู้รับพินัยกรรมของเจ้ามรดก ซึ่งอาจเป็นบุคคลภายนอกก็ได้ ผู้มีส่วนได้เสีย เช่น เจ้าของร่วมในทรัพย์สินของเจ้ามรดก กรณีเช่นนี้ที่มีมากคือ กรณีที่สามีภริยาไม่จดทะเบียนสมรสและมีทรัพย์สินร่วมกันนั่นเอง สำหรับเจ้าหนี้ ไม่ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย จึงไม่อาจขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกได้
3. ใครเป็นผู้จัดการมรดกได้
ผู้จัดการมรดกไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทของเจ้ามรดกจะเป็นใครก็ได้ แต่ผู้มีสิทธิร้องขอต่อศาล ต้องเป็นทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียดังที่กล่าวแล้ว ทายาทอาจขอให้ศาลตั้งนาย ก. นาย ข. หรือนาย ค. ก็ได้ ประการสำคัญผู้ที่จะเป็นผู้จัดการมรดกต้องบรรลุนิติภาวะแล้ว ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ ไม่เป็นบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนล้มละลาย คนประเภทนี้เห็นแล้วว่าไม่สามารถรู้ผิดชอบ หย่อนความคิดอ่าน มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขืนไปจัดการทรัพย์สินคนอื่น ก็มีแต่จะเสียหายยิ่งขึ้นไปเท่านั้น
4. การยื่นคำร้องขอยื่นที่ไหน
ยื่นที่ศาล โดยทั่วไปเจ้ามรดกมีภูมิลำเนาที่ไหน เช่น ที่ขอนแก่น เชียงใหม่ ตรัง ตราด ก็ยื่นศาลที่เป็นภูมิลำเนาของผู้ตายนั่นเอง ถ้ายื่นที่ศาลจังหวัดในกรุงเทพฯ ก็ยื่นที่ศาลแพ่ง แพ่งกรุงเทพใต้ แพ่งธนบุรี หรือศาลจังหวัดมีนบุรี แล้วแต่กรณี
5. คำร้องต้องทำอย่างไร
ดังได้กล่าวมาแล้วว่าการทำคำร้องเป็นเรื่องที่ผู้มีความรู้ในทางกฎหมายและทางปฏิบัติเท่านั้นจะเข้าใจและทำได้ถูกต้อง เราประชาชนหรือมีอาชีพอื่นย่อมไม่เข้าใจ ก็ต้องปรึกษานักกฎหมายหรือทนายความ สำหรับคำร้องจะมีแบบคำร้องแล้วนำมาบรรยายในคำร้องระบุรายละเอียดต่างๆ เช่น ชื่อ ตำบล ที่อยู่ผู้ร้อง เป็นทายาทผู้ตายๆ ผู้ตายเมื่อไหร่ มีหลักฐานการตาย ผู้ตายมีทายาทกี่คนใครบ้าง มีทรัพย์สินอะไรบ้าง มีเหตุขัดข้องอย่างไร และท้ายสุดก็ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก โปรดดูตัวอย่างต่อไปนี้
คำร้องขอ

คดีหมายเลขดำที่...................................................
คดีหมายเลขแดงที่..................................................
ศาลจังหวัด..........ขอนแก่น...............................................
วันที่......25...เดือน........มกราคม...............พุทธศักราช...2534......
ความ........แพ่ง...................................................................
....นายเด่น..ดอกประดู่...ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก..โจทย์
ระหว่าง โดยไม่พินัยกรรมของนายแดน ดอกประดู่ ผู้ตาย
.................................................................................จำเลย
ข้าพเจ้า...นายเด่น..ดอกประดู่.................................................................................
เชื้อชาติ....ไทย................สัญชาติ...........ไทย...............................อาชีพ.....รับจ้าง..............
เกิดวันที่..1......เดือน.....มิถุนายน.............พ.ศ.....2480...อายุ...48...ปี อยู่บ้านเลขที่..1.......
ถนน.....กลางบ้าน......ตรอกหรือซอย...............................ใกล้เคียง....วัดโพธิ์ทอง.............
ตำบล....หนองโน....................อำเภอ..........ชนบท............จังหวัด...ขอนแก่น...................
ขอยื่นคำร้องมีข้อความตามที่จะกล่าวต่อไปนี้
ผู้ร้องเกี่ยวข้องเป็น.......บุตร......ของนาย.......แดน.....ดอกประดู่............................
ผู้ตายปรากฏตามบัญชีเครือญาติ เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข.............1............................
เมื่อวันที่.....1.....เดือน.....ธันวาคม.....................................พ.ศ.......2533................
นาย, นาง .....แดน....ดอกประดู่................ถึงแก่กรรมด้วย.......โรคหัวใจล้มเหลว..............
ณ..บ้านเลขที่..1......................ถนน....กลางบ้าน........................ตำบล...หนองโน.............
อำเภอ....ชนบท..2...................จังหวัด..........ขอนแก่น............ปรากฏตามสำเนามรณบัตร
เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข.................................................................
นาย,นาง................แดน.........ดอกประดู่........................................ผู้ตาย มีมรดก
คือ.........เงินสดฝากอยู่ในธนาคาร...................สาขา..................เป็นเงิน..2,000..บาท........
..........มีที่ดิน....น.ส...3...แปลงหนึ่งราคา..5,000..บาท.......................................................
รายละเอียดปรากฏตามบัญชีเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข...........3....................................
มรดกดังกล่าวนี้ …..นายแดน…ดอกประดู่…ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้แต่อย่างใด
ผู้ร้องมีเหตุขัดข้องไม่สามารถจัดการมรดกของผู้ตายได้เนื่องจาก ธนาคารที่รับฝากเงินคือ…และเจ้าพนักงานที่ดิน…..ปฏิเสธไม่ดำเนินการจ่ายเงินและ………………..
โอนที่ดินให้ผู้ร้องโดยอ้างว่าให้นำคำสั่งศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกมาแสดงก่อน
......จึงจะ...............................จัดการให้...............................................................
ผู้ร้องเป็นผู้บรรลุนิติภาวะและไม่เป็นบุคคลวิกลจริต บุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ หรือบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย มีความสามารถที่จะจัดการมรดกรายนี้ได้
ฉะนั้น ขอศาลได้โปรดไต่สวนคำร้องและมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของ นาย,นาง……แดน ดอกประดู่…….ผู้ตาย ต่อไป
อนึ่ง เนื่องจากผู้ร้องเป็นคนยากจน ทั้งมรดกรายนี้ก็มีจำนวนเล็กน้อย จึงขอศาลให้โปรดพิจารณาอนุญาตให้ประกาศนัดไต่สวนคำร้องที่หน้าศาลแทนการประกาศทางหนังสือพิมพ์ด้วย
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
ลงชื่อ........เด่น.....ดอกประดู่...... ผู้ร้อง
คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า......เด่น.....ดอกประดู่.......เป็นผู้เรียบเรียงและเขียน
ลงชื่อ........เด่น.....ดอกประดู่.......ผู้เรียงและขียน
ท่านจะเห็นแล้วว่าเป็นคำร้องแบบง่ายๆ และปรากฏว่าผู้ร้องคดีนี้เป็นคนยากจนและมรดกคิดเป็นเงินเพียง 7,000 บาทเท่านั้น จึงขออนุญาตเป็นพิเศษในตอนท้าย เพราะหากประกาศหนังสือพิมพ์แล้วอาจเสียค่าประกาศหนังสือพิมพ์เป็นร้อยเป็นพันบาท ซึ่งไม่มีเสีย แต่หากเป็นกรณีทรัพย์สินมากมายก็ควรประกาศทางหนังสือพิมพ์โดยไม่ต้องขออนุญาตดังตอนท้ายของคำร้องนี้
6. การยื่นคำร้องและนัดไต่สวนทำอย่างไร
เมื่อยื่นคำร้องแล้วเจ้าหน้าที่จะเสนอศาล ศาลจะสั่งนัดว่าไต่สวนหรือมีคำสั่งอย่างอื่นต่อไป ทางปฏิบัติก็ขอให้ประกาศหน้าศาลหรือทางหนังสือพิมพ์โดยให้เวลาพอสมควร โดยทั่วไปศาลจะไต่สวนหลังจากรับคำร้องประมาณ 1 เดือน การไต่สวน ผู้ร้องจะต้องมาศาลและนำพยานอื่น เช่น ทายาทคนอื่นๆ มาด้วย หรือขอให้ตั้งบุคคลอื่นเป็นผู้จัดการมรดกมาด้วย เพื่อไต่สวนว่าเป็นผู้ยินยอมเป็นผู้จัดการมรดก การไต่สวนโดยทั่วไปใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ คดีเช่นนี้ศาลมักจะนัดตอนบ่าย
เมื่อไต่สวนเสร็จก็คือการนำพยานแต่ละฝ่ายไปให้การต่อศาลเรียกว่าเบิกความนั่นเอง เสร็จแล้ว ศาลจะจดรายงานการไต่สวน หากเป็นเรื่องไม่ซับซ้อนศาลก็นัดฟังคำสั่งวันนั้นเลย คือสั่งให้เป็นหรือไม่เป็นผู้จัดการมรดกนั่นเองแต่หากเป็นเรื่องซับซ้อนมรดกมาก เช่นนี้ศาลอาจนัดฟังคำสั่งวันอื่นก็ได้ เพื่อศาลจะได้ตรวจสำนวนโดยละเอียดต่อไป ทางปฏิบัติส่วนใหญ่มักไม่มีปัญหาศาลสั่งได้เลย แต่การจะรับคำสั่งไปก็อาจเป็นวันรุ่งขึ้น เพราะจะต้องพิมพ์ให้เรียบร้อยถูกต้อง มีคำรับรองว่าเป็นสำคัญคำสั่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าพอศาลสั่งอนุญาตจะรับคำสั่งไปได้เลย
7. การขอรับคำสั่งศาลกรณีศาลสั่งตั้งผู้จัดการมรดกแล้ว
ก็ต้องทำคำร้องขอเข้ามา ศาลจะดำเนินการให้โดยไม่ชักช้า เมื่อได้คำสั่งศาลก็นำไปแสดงต่อธนาคาร หรือเจ้าพนักงานที่ดิน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับมรดกของผู้ตายได้
8. ผู้จัดการมรดกจะถูกถอนจากการเป็นผู้จัดการได้หรือไม่
หากผู้จัดการมรดกปล่อยปละละเลย ไม่ดำเนินการจัดการมรดก หรือจัดการมรดกเสียหาย ประมาทเลินเล่อในการจัดการมรดก หรือทุจริตในการจัดการมรดก เช่น เบียดบังเอาเป็นของตนเองบ้าง เช่นนี้นอกจากจะผิดฐานยักยอกทางอาญามีโทษถึงจำคุกแล้ว ก็อาจถูกถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้ โดยผู้มีส่วนได้เสียร้องขอให้ศาลสั่งถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้ แต่ก็ต้องขอเสียก่อนการแบ่งปันมรดกเสร็จสิ้นลง
9. คำพิพากษาฎีกาเกี่ยวกับผู้จัดการมรดก
1.คำฎีกาที่ 331/2525 ผู้ตายทำพินัยกรรมไว้ แม้ผู้คัดค้านเป็นบุตรของผู้ตาย แต่ตามพินัยกรรมผู้คัดค้านไม่มีส่วนได้รับทรัพย์สินของผู้ตายเลย จึงไม่สามารถตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมด้วย
ข้อสังเกต ศาลจะพิจารณาตั้งใครเป็นผู้จัดการมรดกต้องคำนึงถึงประโยชน์ของกองมรดกเป็นสำคัญ
2. ฎีกาที่ 1481/2510 ศาลไม่จำต้องตั้งผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมอาจตั้งทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียคนอื่นที่เหมาะสมก็ได้
3. ฎีกาที่ 1491/2523 ทายาทที่จะร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ หมายถึงทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกเท่านั้น
ข้อสังเกต ผู้ถูกตัดมิให้รับมรดก ผู้ถูกกำจัดมิให้รับมรดก ไม่มีสิทธิร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก
4.ฎีกาที่ 2095/2523 ภริยาไม่จดทะเบียนสมรสและไม่มีทรัพย์ร่วมกันไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินมรดกของสามี ไม่มีสิทธิร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก
5. ฎีกาที่ 2021/2524 ศาลจะตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกต้องคำนึงถึงความสมควรเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามพฤติการณ์ ไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากทายาททุกคน
6. ฎีกาที่ 1695/2531 (ประชุมใหญ่) กองมรดกที่ไม่มีทายาทนั้น แม้มรดกจะตกทอดแก่แผ่นดิน แผ่นดินก็มิใช่ทายาท เจ้าหนี้ไม่อาจบังคับชำระหนี้ได้จนกว่าจะได้ตั้งผู้จัดการมรดกขึ้น และหากไม่มีผู้จัดการมรดกอยู่ตราบใดเจ้าหนี้ก็ไม่มีทางได้รับชำระหนี้ได้เลย การที่เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้จากกองมรดกขึ้นอยู่กับการที่กองมรดกมีผู้จัดการมรดก ในกรณีเช่นนี้จึงต้องถือว่าเจ้าหนี้เป็นผู้มีส่วนได้เสียและมีสิทธิร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกได้ ส่วนปัญหาที่ว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่นั้น แม้ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้กองมรดกซึ่งตามปกติย่อมมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก แต่เมื่อไม่ปรากฏว่ามีผู้มีส่วนได้เสียอื่นอีก และพนักงานอัยการมิได้คัดค้าน จึงสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้
ข้อสังเกต ศาลฎีกาได้ให้เหตุผลไว้แล้วว่า ทำไมเจ้าหนี้กองมรดกคดีนี้จึงร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกได้ และเป็นผู้จัดการมรดกได้